ในบรรดาอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีระบบการบันทึกข้อมูลแบบดิจิตอล กล้องถ่ายวิดีโอ 4K ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่หาสื่อบันทึกข้อมูลที่มีประสิทธิภาพได้ง่ายมาก เนื่องจากอุปกรณ์มีความต้องการเฉพาะที่มีลักษณะค่อนข้างตายตัว ดังนั้นเวลาเลือกใช้จึงไม่มีอะไรที่ซับซ้อน ประกอบกับเทรนด์และกระแสวิดีโอที่เริ่มปรับเปลี่ยนจาก Full HD มาเป็น 4K ก็ทำตลาดในยุคปัจจุบันนี้ก็มีผลิตภัณฑ์ที่รองรับการใช้งานมากมาย โดยเฉพาะจากผู้ผลิตชั้นนำอย่าง Kingston และ SanDisk
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะรู้ว่า สื่อบันทึกที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายวิดีโอ 4K เป็นอย่างไร จะขออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นวิดีโอ 4K ให้เข้าใจกันก่อน เพื่อจะได้นึกภาพออกว่า เหตุใดสื่อที่จะนำมาใช้จึงต้องมีคุณสมบัติเฉพาะจนทำให้เราปฏิเสธไม่ได้
ความละเอียด 4K และ Ultra High Definition (UHD)
4K ซึ่งย่อมาจากจำนวน 4,000 ซึ่งตัวเลขนี้เป็นสิ่งที่สื่อให้ทราบถึงความละเอียดของภาพวิดีโอที่มีจำนวนพิกเซลหรือจุดภาพตามแนวนอนประมาณ 4,000 พิกเซล
เหตุที่ต้องใช้คำว่า “ประมาณ” ก็เพราะว่า ความละเอียดของภาพที่แท้จริงนั้นจะแตกต่างไปจากนี้ ซ้ำยังมี 2 มาตรฐานที่แตกต่างกันเข้ามาเกี่ยวข้องนั่นคือ ถ้าเป็น 4K ในวงการผลิตภาพยนตร์ระดับมืออาชีพอย่างเช่นกลุ่ม Digital Cinema Initiatives (DCI) ภาพวิดีโอ 4K จะมีความละเอียด 4,096x2,160 พิกเซล ซึ่งภาพจะถูกบีบอัดและเข้ารหัสด้วยมาตรฐาน JPEG2000 โดยมีความลึกของสี 12 บิต 4:4:4 แต่ถ้าเป็นมุมของมาตรฐานการแสดงผลหรือการใช้งานของผู้ใช้ทั่วไป 4K จะถูกตีกรอบด้วยมาตรฐานโทรทัศน์ UHD ที่ ITU (International Telecommunication Union) กำหนดและรับรอง รวมถึงการประกาศใช้ของ CTA (Consumer Technology Association) ซึ่งภาพจะมีความละเอียด 3,840 x 2,160 พิกซลในรูปแบบ 16:9 นั่นคือ ภาพวิดีโอจะมีความกว้างน้อยกว่า แต่ยังคงมีความสูงเท่ากัน
แน่นอนว่าด้วยภาพที่มีจำนวนพิกเซลกว่า 8.2 ล้านพิกเซล ทำให้วิดีโอ 4K ที่บันทึกได้มีรายละเอียดภาพที่คมชัดกว่าวิดีโอ Full HD อย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ตามมาคือ จำนวนพิกเซลที่มากกว่าความละเอียดแบบ Full HD นี้ก็ทำให้ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่าด้วย เพราะในขณะที่บันทึกวิดีโอ 1080p ที่บีบอัดด้วยมาตรฐาน H.264 เป็นเวลา 1 ชั่วโมงใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 2.05GB 23GB การบันทึกวิดีโอ 4K 1 ชั่วโมงอาจจะต้องใช้พื้นที่จัดเก็บกว่า 45GB ทีเดียว และที่มากไปกว่านั้นก็คือยังจะต้องจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีด้วย อย่างเช่นในกรณีนี้หมายความว่า ในแต่ละวินาทีจะต้องบันทึกข้อมูลขนาด 12.8MB ได้อย่างต่อเนื่อง
คุณสมบัติของการ์ดหน่วยความสำหรับบันทึกวิดีโอ 4K
จากที่กล่าวมาข้างต้นนี้จะเห็นได้ว่า การบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K จำเป็นต้องมีสื่อบันทึกที่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากขึ้น และสื่อบันทึกนั้นก็จะต้องทำงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นนำไปสู่การเลือกใช้สื่อบันทึกวิดีโอ 4K อย่างเหมาะสม โดยปัจจัยพื้นที่ที่ควรพิจารณา 4 เรื่อง แต่ในที่นี้จะพูดถึงการเลือกใช้การ์ดหน่วยความจำเฉพาะประเภทการ์ด SD ขนาดมาตรฐานและการ์ด microSD ที่ใช้กับสมาร์ทโฟน กล้องถ่ายวิดีโอ โดรน หรือว่ากล้องติดรถยนต์เท่านั้น เนื่องจากมันเป็นสื่อบันทึกที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด
ความจุ: เพราะไฟล์วิดีโอ 4K ที่ได้จากการบันทึกในแต่ละครั้งมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นการ์ดหน่วยความจำที่เลือกใช้ควรมีความจุอย่างน้อย 64GB แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละคนว่า ต้องการบันทึกมากน้อยขนาดไหน และต้องการเก็บไฟล์ที่ได้ไว้ในการ์ดหน่วยความจำนั้นแบบถาวรด้วยเปล่า หรือในกรณีที่เป็นการใช้กับกล้องรถยนต์ก็ขึ้นอยู่กับว่า ต้องการเก็บไฟล์ที่บันทึกไว้นานเพียงใด ก่อนที่กล้องจะบันทึกไฟล์วิดีโอใหม่ทับซ้ำลงไปอีกรอบ
ความเร็วในการบันทึกวิดีโอ: ปัจจัยนี้น่าจะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุดในการเลือกใช้การ์ดหน่วยความจำสำหรับบันทึกวิดีโอ 4K และถึงแม้ว่าข้อมูลนี้จะไม่ได้ถูกประกาศหรือมีบอกไว้แบบตรงไปตรงมา แต่ก็มีมาตรฐานหรือข้อกำหนดที่ทำให้ตัดสินใจเลือกใช้งานได้ไม่ยาก นั่นคือดูจาก Class ที่ผู้ผลิตระบุไว้ ซึ่งในกรณีที่ดีที่สุดควรเลือกการ์ดหน่วยความจำที่ได้รับการรับรองว่าเป็น Class V30 เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะบันทึกวิดีโอ 4K ที่มีอัตราข้อมูลสูงๆ ได้อย่างราบรื่น
ความเร็วในการเขียนข้อมูล: เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้การ์ดหน่วยความจำสำหรับบันทึกวิดีโอ 4K มากและถึงแม้ว่าข้อมูลนี้จะไม่ได้ระบุไว้ แต่เราก็รู้ได้โดยดูจาก Class ของการ์ดหน่วยความจำที่ระบุไว้ ซึ่งควรเป็น U3 (สัญลักษณ์เลข 3 ในตัวอักษร U) โดยมาตรฐานของ Class นี้การ์ดหน่วยความจำจะมีความเร็วในการเขียนตั้งแต่ 30MB/s ขึ้นไป ซึ่งแน่นอนว่าเร็วพอต่อการบันทึกวิดีโอ 4K ที่มีบิตเรตสูงๆ อย่างแน่นอน
ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล: เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บอกให้ทราบว่า การ์ดหน่วยความจำนั้นมีประสิทธิภาพเพียงใด โดยอ้างอิงจากการส่งผ่านข้อมูลทางทฤษฎี ซึ่งตอนนี้มี 3 มาตรฐานหลักได้แก่ UHS-I, UHS-II และ UHS-III แต่อย่างไรก็ดีมาตรฐานเหล่านี้ก็ค่อนข้างสัมพันธ์กับมาตรฐานความเร็วในการบันทึกวิดีโอนั่นคือ UHS-I ที่มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุด 104MB/s มักจะมาพร้อมกับความเร็วในการบันทึกวิดีโอ Class V30 แต่ถ้าเป็น Class V60 หรือ V90 การโอนถ่ายข้อมูลของการ์ดหน่วยความจำจะเป็นมาตรฐาน UHS-II ที่มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุด 312MB/s หรือไม่เช่นนั้นก็เป็น UHS-III ที่มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุด 624MB/s
นอกจากเรื่องความเร็วและความจุแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมก็คือ ควรเลือกซื้อการ์ดหน่วยความจำที่เหมาะกับการใช้งานของอุปกรณ์ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเป็นการนำมาใช้กับกล้องติดรถยนต์ หรือกล้อง Action CAM ก็ควรเลือกใช้รุ่นที่มีความทนทานสูงเป็นพิเศษ เนื่องจากกล้องมีการบันทึกข้อมูลตลอดเวลา มิหนำซ้ำก็ยังอาจจะต้องตากแดดตากฝนเป็นเวลานานๆ อีก