จริงๆ แล้ว Windows 10 เวอร์ชัน 1903 ที่ไมโครซอฟต์ได้ปล่อยให้อัพเดตครั้งนี้ ได้รับการเปิดตัวมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนแล้ว แต่เหตุที่ทำให้ต้องล้าช้ามาจนถึงตอนนี้ ไมโครซอฟต์ให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องใช้เวลาทดสอบที่นานเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกับการอัพเดตครั้งก่อน (เวอร์ชัน 1809) ซึ่งนั่นทำให้การอัพเดต Windows 10 ครั้งนี้ ถูกเรียกชื่อว่า Windows 10 May 2019 Update ตามชื่อเดือนพฤษภาคม ที่ได้ปล่อยให้มีการอัพเดตนั่นเอง
สำหรับการอัพเดตที่ไมโครซอฟต์ปล่อยออกมาล่าสุดนี้ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้จากระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่ใช้งานอยู่ได้โดยตรง โดยเข้าไปที่ Setting -> Update & Security -> Windows Update แล้วเลือกที่ Check for updates ซึ่งเมื่อมีรายการอัพเดตปรากฏขึ้นมา ก็สามารถดาวน์โหลดและเริ่มติดตั้งได้ทันที เมื่อพร้อม (เมื่อดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแจ้งเตือนให้ทราบก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าการอัพเดตจะไม่ส่งผลกับการใช้งานในขณะนั้น) ส่วนผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มองค์กรสามารถดาวน์โหลดได้จากช่องทางของตัวเอง ทั้ง Windows Server Update Services (WSUS), Windows Update for Business และ Volume Licensing Service Center (VLSC)
คุณสมบัติใหม่ที่ได้จากการอัพเดต
การอัพเดตผ่าน Windows Update ครั้งใหม่นี้จะมีไว้สำหรับเครื่องพีซีหรืออุปกรณ์ที่ใช้ Windows 10 เวอร์ชัน 1803 หรือเวอร์ชัน 1809 อยู่ก่อนแล้ว (Windows 10 April 2018 Update) ซึ่งเมื่ออัพเดตเป็นเวอร์ชัน 1903 แล้ว ผู้ใช้จะพบกับการเปลี่ยนแปลงและคุณสมบัติใหม่ๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น
- โหมดการแสดงผลแบบสีสว่าง (Light Theme)
- ช่องค้นหา (Search) และ Cortana จะถูกปรับเปลี่ยนให้แยกเป็นคนละส่วนกัน
- สามารถถอนการติดตั้งแอปฯ ต่างๆ ที่ติดตั้งมาได้มากขึ้น
- โปรแกรม Notepad จะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งการแสดงข้อมูลในแถบสถานะ และแจ้งเตือนว่ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในไฟล์ โดยแสดงเครื่องหมายดอกจัน (*) เพิ่มขึ้นมาหน้าชื่อไฟล์ที่อยู่บน Title bar รวมทั้งอื่นๆ
- มี Windows Sandbox สำหรับใช้แอปฯ หรือโปรแกรมที่ไม่ปลอดภัย แต่อย่างไรก็ดีความสามารถนี้จะมีเฉพาะใน Windows 10 Pro และ Enterprise
นอกจากความสามารถข้างต้นแล้ว การอัพเดตครั้งล่าสุดนี้ยังทำให้ Windows 10 มีความปลอดภัยมากขึ้น และทำงานได้ดีกว่าเดิม ฉะนั้นเตรียมเครื่องให้พร้อมแล้วอัพเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดกันเถอะ เพราะเดือนพฤศจิกายนนี้ Windows 10 April 2018 ก็จะเข้าสู่ช่วง End of Service แล้ว