ทราบหรือไม่ว่าขอบเขตการเห็นภาพที่เกิดขึ้นจากการมองของตาเราหรือ Field of View (FOV) นั้น ไม่ได้มีลักษณะแบนราบ หรือขนานไปกับระยะของสายตาทั้งหมด แต่จะมีลักษณะที่โค้งยื่นออกไปทางด้านหน้า โดยมีมุมมองของสายตาแยกออกไปทางด้านซ้าย-ขวา หรือที่เรียกว่า วิสัยทัศน์รอบข้าง ประมาณ 200 องศา (Peripheral Vision) และลักษณะของความโค้งที่เป็นขอบเขตการเห็นภาพของสายตาเรานี้ กล่าวได้ว่ามันมีขนาดประมาณ 1000R
จากลักษณะการมองเห็นที่มีลักษณะดังกล่าวนี้ ทำให้การผลิตจอภาพสมัยใหม่ได้เริ่มปรับเปลี่ยนหน้าจอแสดงผลให้มีลักษณะโค้งเหมือนกับขอบเขตการเห็นภาพของตาเรา เพื่อให้ภาพที่เห็นบนหน้าจอมีความถูกต้องและเป็นธรรมชาติเหมือนอย่างที่ตาเห็นจริงๆ นอกจากนี้ผลจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก็ยังได้รายงานว่า ความโค้งของหน้าจอที่มีลักษณะเหมือนกับขอบเขตการเห็นภาพของคนเรา ยังช่วยลดการเกิดภาพซ้อนได้มากกว่าหน้าจอที่มีลักษณะแบนราบได้ถึง 4 เท่าด้วย
แน่นอนว่าข้อดีดังกล่าวนี้ทำให้ จอโค้งเป็นเทรนด์ที่กำลังแพร่หลายมาก และถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าตอนนี้ ทั้งโทรทัศน์และจอคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ ก็มักจะออกแบบให้ส่วนของหน้าจอมีความโค้งรับสายตาทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ดีก่อนที่จะตัดสินใจซื้อจอภาพแบบนี้มาใช้งาน ก็มีสิ่งที่คุณผู้อ่านต้องทำความเข้าใจก่อนเช่นกัน รวมทั้งสิ่งที่อาจจะไม่พึงปรารถนา ซึ่งเกิดจากความโค้งของจอภาพด้วย
ระดับความโค้งและความเหมาะสม
เมื่อตัดสินใจแล้วว่า จะซื้อจอโค้งไว้ใช้งาน สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ ระดับความโค้งของหน้าจอ เพราะด้วยขนาดหน้าจอที่แตกต่างกันทำให้จอภาพไม่สามารถออกแบบให้มีความโค้งระดับเดียวกันได้ทั้งหมด ซึ่งนั่นหมายความว่า จอภาพที่ผลิตออกมาสู่ตลาดจะมีระดับความโค้งที่แตกต่างกันไปตามลักษณะการออกแบบ ซึ่งโดยทั่วไปสามารถพบได้ 4 ระดับคือ 4000R, 3000R, 2300R, 1800R และ 1500R
อักษรตัว “R” ที่กำกับอยู่นั้นหมายถึง รัศมีของวงกลม ในขณะที่ตัวเลขจะเป็นสิ่งที่บอกให้รู้ว่า ความโค้งของหน้าจอซึ่งมีลักษณะเหมือนกับส่วนของเส้นรูปวงกลมนั้น มีระยะห่างจากจุดศูนย์กลางกี่มิลลิเมตร และมันก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจะต้องพิจารณาให้ดี เพราะอย่างเช่นในกรณีของจอภาพที่มีความโค้ง 1500R ซึ่งหน้าจอมีระยะห่างจากจุดศูนย์กลาง 1.5 เมตรนั้น ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์จากการรับชมภาพหรือเนื้อหาต่างๆ บนหน้าจอนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ก็ต่อเมื่อรับชมภาพในระยะไม่เกิน 1.5 เมตรเท่านั้น แต่ถ้าหากอยู่ในระยะที่ไกลกว่านี้จะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากความโค้งนั้นเลย
แน่นอนว่าหน้าจอที่มีความโค้งระดับอื่นๆ ก็มีลักษณะแบบเดียวกันคือ
1800R รับชมภาพได้ดีที่สุด ในระยะไม่เกิน 1.8 เมตร
2300R รับชมภาพได้ดีที่สุด ในระยะไม่เกิน 2.3 เมตร
3000R รับชมภาพได้ดีที่สุด ในระยะไม่เกิน 3 เมตร
และ 4000R รับชมภาพได้ดีที่สุด ในระยะไม่เกิน 4 เมตร
ระดับความโค้งของหน้าจอเหล่านี้ ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า ยิ่งตัวเลขระยะมีค่าน้อยเท่าใด หน้าจอก็จะยิ่งมีความโค้งมากเท่านั้น และจะยิ่งใกล้เคียงกับธรรมชาติของขอบเขตการเห็นภาพของคนเรามากที่สุด
สิ่งที่ได้จากความโค้งของหน้าจอ
เมื่อเปลี่ยนจากจอภาพที่มีลักษณะแบนราบมาเป็นจอที่มีความโค้ง ข้อดีแรกที่ได้ก็คือสิ่งที่เรียกว่า “Immersion” หรือรับรู้ถึงภาพที่ปรากฎบนหน้าจอได้อย่างสมจริง เนื่องจากความโค้งของหน้าจอ ครอบคลุมขอบเขตการเห็นภาพของสายตาได้ดีกว่า ในขณะเดียวกันก็ได้ความรู้สึกว่าภาพที่เห็นนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ผู้ใช้สามารถตอบสนองและโต้ตอบกับสิ่งที่ปรากฎบนหน้าจอได้ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม การชมภาพยนตร์หรือว่าการทำงานกับแอปพลิเคชันลักษณะใดก็ตาม
ข้อดีประการต่อมาของจอภาพที่มีหน้าจอโค้งรับสายตาก็คือ ความโค้งของหน้าจอยังช่วยลดความบิดเบือนหรือความผิดเพี้ยนของภาพที่เกิดขึ้นด้วย โดยเฉพาะส่วนของภาพที่อยู่บริเวณขอบจอทั้งสองด้าน (ซ้าย-ขวา) เพราะเมื่อหน้าจอมีลักษณะแบนราบ สายตาจะต้องมองภาพบริเวณนี้ด้วยมุมภาพที่แคบลง และยิ่งหน้าจอมีขนาดใหญ่หรือมีความกว้างมากเท่าไร ความโค้งก็ยิ่งลดความบิดเบือนของภาพได้มากเท่านั้น นอกจากนี้ความโค้งของหน้าจอยังทำให้มองเห็นภาพภายใต้สภาวะต่างๆ ได้สบายตาขึ้นด้วย เนื่องจากเป็นการมองเห็นตามธรรมชาติของสายตามนุษย์ ดังนั้นจึงทำให้มองและใช้เวลากับจอภาพได้นานขึ้น โดยไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าของสายตา และเป็นการช่วยลดสาเหตุของการเกิดโรค Computer Vision Syndrome (CVS) ได้อีกทางหนึ่ง โดยมีการศึกษาวิจัยยืนยันแล้วว่า การปวดตาและการเหนื่อยล้าทางสายตาเมื่อใช้งานเป็นเวลานานนั้น สามารถพบได้ทั่วไปจากการใช้จอภาพที่มีหน้าจอแบนราบมากกว่าจอโค้งถึง 60 เปอร์เซ็นต์ (อ่านผลการศึกษาวิจัยนี้โดยละเอียดได้ที่ https://www.researchgate.net/publication/303535201_66-2_Comparison_of_Flat_and_Curved_Monitors_Eyestrain_Caused_by_Intensive_Visual_Search_Task)
เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังความโค้ง
แม้ว่าความโค้งจะทำให้การรับชมภาพบนหน้าจอมีความสมจริงมากขึ้น แต่จอภาพ Curved Screen ที่มีหน้าจอโค้งรับสายตาในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรที่ล้ำสมัยไปกว่าที่เราคุ้นเคยหรือใช้กันอยู่ เนื่องจากความโค้งของหน้าจอที่เกิดขึ้นนั้น ได้มาจากกรรมวิธีการผลิตที่ทำอย่างพิถีพิถัน โดยการนำเอาพาเนลแบบต่างๆ มาดัดโค้งให้ได้ระดับตามที่ต้องการ ดังนั้นจอโค้งทั้งหลายที่ผลิตออกมาวางจำหน่ายในปัจจุบันนี้ จึงมีให้เลือกทั้งรุ่นที่ใช้พาเนล TN (Twisted Nematic), VA (Vertical Alignment) และ In-Plane Switching (IPS) เหมือนกับจอภาพที่มีหน้าจอแบนราบ รวมทั้งคุณภาพในการแสดงผลของจอโค้งแต่ละรุ่น ก็แตกต่างกันไปตามพื้นฐานของพาเนลที่ใช้เป็นสำคัญด้วย
อย่างไรก็ตาม จอโค้งที่ผลิตออกมาเกือบทุกรุ่นก็สามารถแสดงผลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตามที่พาเนลที่ใช้เป็นพื้นฐานจะทำได้ รวมทั้งจอโค้งรุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้พาเนล IPS ก็ไม่มีปัญหาเหมือนอย่างในอดีต และไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Mura Effect หรือว่า Color Mixture Effect ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว
ข้อด้อยของจอโค้งเมื่อเทียบกับจอแบน
แน่นอนว่า สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ จอโค้งที่กล่าวรายละเอียดไปข้างต้นก็เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเทียบกับจอภาพที่มีหน้าจอแบนราบ จอโค้งก็มีข้อเสียที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่ไม่น้อย เพียงแต่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหากเทียบกับข้อดีที่ได้รับ และบางอย่างก็อาจจะเป็นสิ่งที่ผู้ใช้บางคนสามารถมองข้ามไปได้เลยยกตัวอย่างเช่น
การติดตั้งใช้งาน - ด้วยลักษณะของหน้าจอที่มีความโค้ง ทำให้จอภาพต้องอาศัยพื้นที่ในการติดตั้งใช้งานมากขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งแม้ว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับการใช้งานบนโต๊ะ แต่หากใครต้องการติดตั้งเข้ากับผนังอาจจะต้องทำใจล่วงหน้า เพราะถึงแม้จะทำได้ แต่ความโค้งของหน้าจอก็จะทำให้ ผลที่ได้จากแขวนเข้ากับฝาผนังนั้น ดูไม่ดีเหมือนอย่างการใช้จอแบน
การเกิดแสงจ้า (Glare) – เนื่องจากรูปทรงที่มีลักษณะโค้งงอของหน้าจอ ทำให้จอโค้งทั้งหลายมีโอกาสเกิดแสงจ้าได้เมื่อมองบางมุม และมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายและมีจำนวนกว่าหน้าจอที่มีลักษณะแบบราบ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ถ้าเป็นไปได้ต้องระวังอย่าให้มีแหล่งกำเนิดแสงที่อยู่ด้านหน้าและด้านข้างของจอภาพโดยเด็ดขาด
การแสดงผลในแนวตั้ง – ในขณะที่จอแบนหลายรุ่นถูกผลิตออกมาโดยสามารถปรับหมุนแสดงผลในแนวตั้งได้ (หรือถ้าปรับหมุนไม่ได้ แต่ก็สามารถแสดงผลในแนวตั้งได้เหมือนกัน) และความแบนราบของหน้าจอก็ทำให้สามารถมองภาพแนวตั้งของหน้าจอได้อย่างไม่มีปัญหา แต่สำหรับจอโค้งทั้งหลายจะไม่มีโอกาสใช้งานลักษณะนี้เลย เพราะความโค้งของหน้าจอ จะเห็นภาพที่ปรากฏอย่างชัดเจนและไม่มีการผิดเพี้ยนเฉพาะเมื่อจอภาพแสดงผลตามแนวนอนเท่านั้น
...ที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้นนี้ แม้ว่าจะเป็นรายละเอียดเบื้องต้น แต่มันก็เป็นสิ่งที่คุณต้องรู้และทำความเข้าใจให้ดี ก่อนเลือกซื้อจอโค้งมาใช้งาน ส่วนใครที่นึกภาพไม่ออกว่า Immersion ที่เกิดขึ้นกับการรับชมภาพบนจอโค้งนั้นเป็นอย่างไร แตกต่างไปจากจอแบนที่ใช้อยู่ขนาดไหน กรณีนี้แนะนำให้หาโอกาสไปลอง...