Huawei Mate 30 Series สมาร์ทโฟนท็อปคลาส จัดเต็มกว่า เพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ

                เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงลำใหม่อย่าง Huawei Mate 30 Series และครั้งนี้ก็ยังคงมีการผลิตออกมาให้เลือกทั้งรุ่นปกติ และรุ่นโปร รวมทั้งยังมีรุ่น Porsche Design เหมือนเช่นเคย โดยใช้แนวคิด Rethink Possibilities ที่ทำให้สมาร์ทโฟนก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และสามารถใช้งานได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

Rethink Design: รูปลักษณ์ใหม่ ใช้ประโยชน์ได้จริง

                Huawei Mate 30 ทั้งรุ่นปกติและรุ่นโปร มีการออกแบบให้ถูกต้องหลัก Ergonomics โดยตัวเครื่องมีการลบมุมต่างๆ เพื่อให้จับถือได้อย่างสะดวกสบาย และออกแบบพื้นผิวให้มีทั้งที่เป็นมันวาวและด้าน เพื่อให้สามารถได้จับถือได้ง่ายและไม่ลื่นหลุดมือ ส่วนพื้นที่บริเวณกล้องที่อยู่ด้านหลังเครื่องเปลี่ยนมาเป็นแบบ Halo Ring Design เพื่อให้เวลาใช้งาน ได้ความรู้สึกเหมือนกับการใช้กล้องของมืออาชีพ โดยในส่วนของหน้าจอนั้นจะเป็น OLED ทั้งรุ่นปกติและรุ่นโปร แต่ก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันคือ หน้าจอของรุ่นปกติจะแบบแบนราบทั่วทั้งหน้าจอในลักษณะของ Rigid FullViews ขนาด 6.62 นิ้ว โดยมีความละเอียด 2,340x1,080 พิกเซล ที่เป็นสัดส่วนภาพแบบ 19.5:9 แต่สำหรับรุ่นโปรนั้นหน้าจอ OLED จะมีขนาด 6.53 นิ้วที่มีความละเอียด 2,400x1,176 พิกเซล โดยมีสัดส่วนภาพแบบ 18.4:9 ดังนั้นหน้าจอของรุ่นโปร จึงมีลักษณะที่ดูเพรียวยาวกว่าและเป็นแบบ Flex ที่มีส่วนโค้งบริเวณขอบจอทั้งสองด้านจนมองไม่เห็นส่วนที่เป็นขอบจอเลย (ความโค้งของขอบจอนี้มากถึง 88 องศา) โดย Huawei เรียกชื่อหน้าจอแบบนี้ว่า Horizon Display

                ในขณะที่ Huawei รุ่นปกติยังคงมีปุ่มต่างๆ ที่ด้านข้างของตัวเครื่อง แต่ในกรณีของรุ่นโปรนั้น เนื่องจากตัวเครื่องใช้หน้าจอขอบโค้งแบบสุดขอบทำให้ตัวเครื่องไม่มีปุ่มควบคุมแบบรุ่นปกติ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มปรับเสียงและปุ่มเปิดปิดเครื่อง ดังนั้น Huawei Mate 30 Pro จึงเปลี่ยนมาใช้ระบบสัมผัสที่บริเวณขอบโค้งของหน้าจอ รวมทั้งการถ่ายเซลฟี่ก็สามารถกดถ่ายภาพโดยใช้ขอบจอได้เช่นกัน นอกจากนี้ Notch หรือส่วนที่เป็นติ่งอยู่บริเวณส่วนบนของหน้าจอนั้น แม้ว่าจะมีส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ติดตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีขนาดเล็กกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเจน รวมทั้งในส่วนของลำโพงสนทนาก็ออกแบบในลักษณะ Earpiece-less โดยใช้เทคโนโลยี Huawei Acoustic Display ที่ช่วยให้ฟังเสียงได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องตำแหน่งของลำโพง

                แม้จะใช้หน้าจอที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ตัวเครื่องของ Huawei Mate 30 รุ่นปกติและรุ่นโปรก็ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่เทอะทะ ในทางตรงกันข้ามมันกลับมีขนาดของตัวเครื่องที่เล็กกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นที่ใช้หน้าจอขนาดเล็กกว่ามันด้วยซ้ำ นอกจากนี้ตัวเครื่องของทั้งรุ่นปกติและรุ่นโปรก็มีน้ำหนักไม่ถึง 200 กรัม และยังคงออกแบบให้กันน้ำกันฝุ่นได้ระดับ IP68

                Huawei Mate 30 ทั้งรุ่นปกติและรุ่นโปรจะมีให้เลือกทั้งหมด 6 สีคือสีเงิน Space Silver, สีเขียว Emerald Green, สีม่วง Cosmic Purple, สีดำ และมีสีพิเศษอีกสองสีคือ สีเขียว Forest Green กับสีส้ม ซึ่งใช้หนังเทียมเป็นวัสดุ

Rethink Performance: ทรงพลังด้วยชิป Kirin 990

                Huawei Mate 30 จะรองรับการทำงานต่างๆ ด้วยชิปรุ่นใหม่ล่าสุด Kirin 990 ซึ่งทำงานได้อย่างประสิทธิภาพและใช้พลังงานน้อยกว่าเดิม โดยในส่วนของซีพียูจะทำงานได้ดีขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ ประมวลผลกราฟิกได้ดีขึ้น 39 เปอร์เซ็นต์ และประมวลผล AI ได้ดีขึ้นถึง 460 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับชิป Kirin 990 นี้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.synnex.co.th/th/community_details.aspx?category_id=1&detail_id=20190910001&ispdf=

                ผลจากการใช้ความสามารถจากชิป Kirin 990 ทำให้ Huawei Mate 30 Series มีรุ่นที่รองรับ 5G ด้วย (รุ่นโปร) และการรองรับการเชื่อมต่อไร้สายต่างๆ นั้น ภายในเครื่องจะมีเสาอากาศจำนวน 21 เสา โดยที่ 14 เสาจะใช้สำหรับเชื่อมต่อ 5G ซึ่งในระหว่างการเปิดตัว Huawei ก็ได้แสดงให้เห็นว่ามันเหนือกว่าคู่แข่งด้วยความเร็วในการดาวน์โหลดที่สูงถึง 1,516.7Mb/s และตัวเครื่องก็รองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบ Dual Active ที่ใช้งานได้พร้อมกันด้วย แต่ว่าถาดซิมจะเป็นแบบไฮบริดที่ออกแบบมาสำหรับรองรับการใช้งานการ์ดหน่วยความจำแบบ NM Card ด้วย

                Huawei Mate 30 รุ่นโปรจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,500mAh ซึ่ง Huawei ให้ข้อมูลว่ามันสามารถใช้งาน 5G ได้ยาวนานถึง 9.2 ชั่วโมงและความร้อนที่เกิดขึ้นกับการใช้งาน 5G ก็จะถูกระบายและจัดการโดยใช้เทคโนโลยี Graphene Film ซึ่งมันสามารถลดความร้อนที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ของผู้ผลิตรายอื่นเกือบ 4 องศาเซลเซียส

                แบตเตอรี่ของ Huawei Mate 30 รุ่นโปรและรุ่นปกติที่มีขนาด 4,200mAh จะรองรับระบบการชาร์จเร็วที่ใช้กำลังไฟ 40 วัตต์ทั้งสองรุ่นรวมทั้งรองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สายที่มีกำลังสูงสุด 27 วัตต์เหมือนกันด้วย นอกจากนี้ยังคงมาพร้อมกับความสามารถในการแชร์แบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ แบบไร้สายที่แรงกว่าเดิมถึง 3 เท่า

Rethink Photography: กล้องอัจฉริยะ รับมือได้ทุกสถานการณ์

                กล้องถ่ายภาพของ Huawei Mate 30 Series ยังคงมาพร้อมกับความสามารถที่เพียบพร้อม ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น แต่กล้องของรุ่นปกติกับรุ่นโปรจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยมีรายละเอียงดังนี้คือ

                Huawei Mate 30 รุ่นปกติจะมาพร้อมกล้องหลังที่เป็นระบบสามกล้องที่ประกอบด้วย

                กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เลนส์ 17 มิลลิเมตร f/2.2

                กล้อง SuperSensing Wide ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล โดยใช้เลนส์ 27 มิลลิเมตร f/1.8

                กล้อง Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เลนส์ที่ซูมแบบออปติคอลได้ 3 เท่าโดยมีทางยาวโฟกัส 80 มิลลิเมตร f/2.4

                กล้องทั้งสามนี้จะทำงานร่วมกับระบบโฟกัสที่เป็นเลเซอร์ มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และ AIS โดยการถ่ายภาพสามารถใช้ค่าความไวแสงได้สูงสุด ISO 204800 ถ่ายมาโครได้ใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร

                สำหรับ Huawei Mate 30 Pro กล้องหลังจะเป็นระบบ 4 กล้องที่ประกอบด้วย

                กล้อง Ultra-Wide Cine ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เลนส์ 18 มิลลิเมตร f/1.8

                กล้อง SuperSensing Wide ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล โดยใช้เลนส์ 27 มิลลิเมตร f/1.6

                กล้อง Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เลนส์ที่ซูมแบบออปติคอลได้ 3 เท่าโดยมีทางยาวโฟกัส 80 มิลลิเมตร f/2.4 (เหมือนกับรุ่นปกติ) ส่วนกล้องอีกหนึ่งตัวนั้นจะเป็นกล้อง 3D Depth Sensing ซึ่งกล้องนี้จะทำหน้าที่ช่วยวัดระยะความลึกของวัตถุ

                สำหรับเซ็นเซอร์ภาพความละเอียด 40 ล้านพิกเซลที่ใช้กับ Huawei Mate 30 นั้นจะเป็นแบบ RYYB ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1/1.7 นิ้ว ซึ่ง Huawei อ้างว่าเซ็นเซอร์ภาพดังกล่าวนี้สามารถรับแสงเพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดีขึ้นถึงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ และในกรณีของรุ่นโปรนั้นมันก็สามารถถ่ายภาพ โดยรองรับค่าความไวแสงได้สูงสุดถึง ISO 204800 ซึ่งนั่นทำให้มันสามารถถ่ายภาพได้อย่างยอดเยี่ยมมาก และที่มากไปกว่านั้นก็คือเซ็นเซอร์ความละเอียด 40 ล้านพิกเซลที่ใช้ในกล้อง Ultra-Wide ของรุ่นโปร ก็ยังเป็นเซ็นซอร์ที่มีสัดส่วนภาพแบบ 3:2 ด้วย

                ในส่วนของกล้องหน้า Huawei Mate 30 รุ่นปกติจะเป็นกล้องตัวเดียวที่มีความละเอียด 24 ล้านพิกเซลโดยใช้เลนส์ f/2.0 แต่สำหรับรุ่นโปรจะเป็นกล้องคู่ที่ใช้ความสามารถจากกล้อง 3D Depth Sensing ช่วยวัดระยะความลึกของวัตถุกับกล้องความละเอียด 32 ล้านพิกเซลที่ใช้เลนส์ f/2.0

                นอกจากความสามารถในการถ่ายภาพนิ่งที่โดดเด่นและทำได้อย่างหลากหลายแล้ว กล้องหลังของ Huawei Mate 30 ก็ยังถ่ายวิดีโอได้อย่างยอดเยี่ยม โดยรุ่นโปรสามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียด 4K@60fps (รุ่นปกติถ่ายได้ความละเอียด 4K เหมือนกันแต่จะมีอัตราภาพ 30fps) สามารถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K แบบ Time-laps ต่อเนื่องได้นาน 12 ชั่วโมง รองรับ Real-time Bokeh และสามารถใช้ค่าความไวแสงได้สูงสุดถึง ISO 51200 นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายวิดีโอสโลวโมชั่นได้โดยมีอัตราภาพสูงสุดถึง 7,680fps

Rethink Experience: เปิดประสบการณ์เพื่อการใช้งานที่น่าทึ่ง

                Huawei Mate 30 จะรองรับการทำงานต่างๆ โดยมาพร้อมกับระบบ EMUI 10 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น ทั้งรูปแบบการแสดงผล การตอบสนองต่อการสั่งงานที่มีความลื่นไหล จากการสั่งงานผ่านปลายนิ้ว และความสะดวกสบายต่างๆ ที่ถูกปรับมาอย่างเหมาะสมเช่นมีระบบ AI Auto-Rotate ที่ช่วยในการหมุนภาพบนหน้าจอตามการมองของผู้ใช้ และระบบ Smart Gesture Control ที่ช่วยให้ใช้มือปัดหน้าจอและจับภาพได้อย่างง่ายดาย

                ความสามารถอีกประการหนึ่งของ Huawei Mate 30 ก็คือมันสามารถเชื่อมต่อและแสดงผลหน้าจอบนโน้ตบุ๊ก (Huawei Matebook) ได้ และที่มากไปกว่านั้นมันสามารถแลกเปลี่ยนไฟล์ หรือข้อมูลต่างๆ ระหว่างกันได้ เพียงแค่ลากไปวางเท่านั้น ในขณะเดียวกันมันก็ยังรองรับการใช้งานปากกา M-Pen ที่รองรับแรงกดได้ 4,096 ระดับเช่นเดิม

                ในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน Huawei Mate 30 ก็มาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือแบบ In-screen และการปลดล็อคด้วยใบหน้า โดยได้รับการรับรอง CC EAL 5+ การส่งผ่านข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ก็มีการเข้ารหัส และการรักษาข้อมูลความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม

                ...สำหรับกำหนดการวางจำหน่าย Huawei Mate 30 Series ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่ในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศเยอรมนีก็มีการเปิดเผยราคาออกมาแล้วว่า Huawei Mate 30 รุ่นปกติซึ่งมาพร้อม RAM 8GB และมีหน่วยความจำภายใน 128GB จะวางจำหน่ายในราคา 799 ยูโร ส่วนรุ่นโปรซึ่งมาพร้อมกับ RAM 8GB และมีหน่วยความจำภายใน 256GB จะวางจำหน่ายในราคา 1,099 ยูโร แต่หากเป็นรุ่นที่รองรับ 5G ก็จะมีราคา 1,199 ยูโร ส่วนรุ่น Porsche Design หรือรุ่นรหัส RS ที่มาพร้อมกับ RAM 12GB และมีหน่วยความจำภายใน 512GB นั้นจะวางจำหน่ายในราคา 2,095 ยูโร แต่ราคาที่วางจำหน่ายจริงในประเทศไทยจะเป็นเท่าใดนั้น ยังต้องรอการอัพเดตอีกครั้งหนึ่ง

รายละเอียดเพิ่มเติม...https://bit.ly/2lXoM8O


TECH INSIGHT