โลกร้อนมีสาเหตุมาจากอะไร? เราทุกคนน่าจะพอทราบกันดี แต่ที่หลายคนอาจจะไม่ทราบหรือไม่ทันได้ฉุกคิดก็คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นแบบตั้งโต๊ะหรือว่าเป็นโน้ตบุ๊ก ต่างก็สามารถลดรอยเท้าคาร์บอนหรือ Carbon Footprint ที่เป็นปริมาณรวมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ได้ง่ายมากๆ เพียงแค่เปิดใช้ Sleep Mode เวลาที่ไม่ได้มีการใช้งานเครื่องเท่านั้น
Sleep Mode ที่ว่านี้ เป็นสภาวะที่เครื่องหยุดพักการทำงานของส่วนประกอบทั้งหมด โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกบันทึกลงในหน่วยความจำ ซึ่งเมื่ออยู่ในสภาวะนี้ การใช้พลังงานของเครื่องจะต่ำลงมาก เนื่องจากจะเหลือเฉพาะพลังงานที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เท่านั้น (เช่นหน่วยความจำหลักหรือ RAM ซึ่งต้องใช้พลังงานสำหรับคงสภาพข้อมูลที่บันทึกอยู่) และเมื่อใดก็ตามที่เครื่องถูกกระตุ้นหรือถูกเรียกใช้งาน ไม่ว่าจะด้วยการขยับหรือคลิกเมาส์ หรือกดปุ่มใดๆ ที่คีย์บอร์ด การทำงานของเครื่องก็จะกลับมาเป็นปกติตามเดิม
หมายเหตุ: Sleep Mode หรือ S3 State ตามข้อกำหนด ACPI นี้มีอีกชื่อที่เรียกกันว่า Suspend to RAM (STR)
ร้อยเท้าคาร์บอนจากการใช้งานเครื่องคอมฯ
ในสภาวะที่เครื่องทำงานตามปกติ เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะใช้พลังงานโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 60 จนถึง 300 วัตต์ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ส่วนประกอบและการใช้งานขณะนั้น ยกตัวอย่างเช่นถ้าเป็นเครื่องคอมฯ สำหรับเล่นเกมที่มีการใช้การ์ดจอแรงๆ การใช้พลังงานของเครื่องก็จะสูงกว่าเครื่องคอมฯ ที่ใช้ทำงานเอกสาร หรือถ้าเป็นโน้ตบุ๊ก การใช้พลังงานของเครื่องก็จะคล้ายๆ กัน เพียงแต่จะมีเรื่องของขนาดหน้าจอแสดงผลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้าไม่ใช่โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง โดยเฉลี่ยทั่วไปก็จะใช้พลังานประมาณ 30 ถึง 70 วัตต์เท่านั้น
สมมติว่าเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้งานวันละ 8 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 5 วัน ตลอดทั้งปีคิดว่า จะมีรอยเท้าคาร์บอนจากเครื่องคอมฯ เครื่องนี้เท่าไร
คำตอบคือ…87.2 kg CO2e เมื่อเครื่องคอมกินไฟ 60 วัตต์ หรือ 436 kg CO2e ถ้าใช้พลังงาน 300 วัตต์ (Kg CO2e อ่านว่า กิโลกรัม คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) ซึ่งถ้าจะให้เห็นภาพได้ง่ายๆ ตัวเลขรอยเท้าคาร์บอนเหล่านี้ก็เทียบได้กับ การขับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นระยะทาง 365.8 กิโลเมตร และ 1,784 กิโลเมตรตามลำดับ
รอยเท้าคาร์บอนที่ลดลง เมื่อใช้ Sleep Mode
กลับมาที่ประเด็นว่า เมื่อเราให้เครื่องเข้าสู่ Sleep Mode เมื่อไม่มีการใช้งาน เช่นในระหว่างการประชุม ช่วงพักสายตา หรือว่าลุกไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งสมมติว่าในเวลา 1 วันเครื่องที่เราใช้เข้าสู่ Sleep Mode เป็นเวลา 1 ชั่วโมง และในขณะที่กำลังอยู่ในโหมดนี้ เครื่องใช้พลังงาน 5 วัตต์ ในเวลา 1 ปี ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวัน รอยเท้าคาร์บอนที่เกิดจากการใช้เครื่องคอมฯ ที่ใช้พลังงาน 60 จะเหลือเพียง 77.2 kg CO2e หรือลดลงไป 11.5% ในขณะที่เครื่องคอมฯ ที่ใช้พลังงาน 300 วัตต์จะเหลือเพียงแค่ 318 kg CO2e หรือลดลงไปได้ถึง 26.9% หรือเทียบกับการขับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันในระยะทางที่น้อยลงถึง 218 กิโลเมตรทีเดียว
จากตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ จะเห็นได้ว่ายิ่งเครื่องใช้พลังงานมากเท่าไร การให้เครื่องเข้าโหมดหลับเมื่อไม่ได้ใช้งานก็จะยิ่งลดรอยเท้าคาร์บอนได้มากเท่านั้น ดังนั้นถ้ายิ่งใช้งานหลายๆ เครื่อง หรือพร้อมใจลดการใช้พลังงานอย่างเช่นที่ซินเน็คฯ แต่ละปีรอยเท้าคาร์บอนที่เกิดจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะลดลงไปได้ไม่น้อยเลย
...สำหรับผู้ที่อยากรู้ว่าเครื่องคอมฯ ที่ตัวเองใช้อยู่ ทำให้เกิดลดรอยเท้าคาร์บอนเท่าไร และลดได้แค่ไหน ถ้าให้เครื่องเข้าโหมดหลับเมื่อไม่มีการใช้งาน สามารถคำนวณด้วยตัวเองได้ที่ https://www.epa.gov/energy/greenhouse-gas-equivalencies-calculator